วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556

มหาวิหารแร็งส์ : Reims Cathedral

มหาวิหารแร็งส์ : Reims Cathedral

สำรวจโลก_มหาวิหารแร็งส์_lg
มหาวิหารแร็งส์ : Reims Cathedral หรือชื่อทางการว่า กาเตดราลนอเทรอ-ดามเดอแร็งส์เป็นมหาวิหารของเมืองแร็งส์ ประเทศฝรั่งเศส ที่เคยใช้ในพิธีสวมมงกุฎกษัตริย์ของประเทศฝรั่งเศส มหาวิหารที่เห็นในปัจจุบันสร้างบนมหาวิหารเดิมที่ถูกไหม้ไปเมื่อค.ศ. 1211 ที่พระเจ้าโคลวิสที่ 1 ผู้ถือกันว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินองค์แรกของฝรั่งเศสได้ทำพิธีรับศีลจุ่มจากนักบุญเรมี เมื่อค.ศ. 496
มหาวิหารสร้างเสร็จเมื่อปลายคริสต์ศตวรรษที้ออ 13 ยกเว้นด้านหน้าซึ่งมาเสร็จเอาอีกศตวรรษหนึ่งต่อมา แต่ยังเป็นสถาปัตยกรรมของคริสต์ศตวรรษที่ 13 ทางเดินกลางขยายให้ยาวขึ้นเพื่อให้มีเนื้อที่เพียงพอกับผู้ที่เข้าร่วมพิธีสวมมงกุฎ หอสูง 81 เมตรย่อจากแบบเดิมที่ออกแบบให้สูง 120 เมตร หอด้านใต้มีระฆังสองใบ ใบหนึ่งคาร์ดินาลแห่งลอเรนตั้งชื่อให้ว่า “ชาร์ลอต” เมื่อปีค.ศ. 1570 ซึ่งหนักกว่า 10,000 กิโลกรัมหรือ 11 ตัน
 
ประตูทางเข้าด้านหน้ามีสามบาน แต่ละบานเต็มไปด้วยรูปปั้นทั้งใหญ่และเล็กประดับ ประตูกลางอุทิศให้กับพระแม่มารี เหนือประตูแทนที่จะเป็นหน้าบันหินแกะสลักกลับเป็นหน้าต่างกุหลาบกรอบเป็นซุ้มโค้งที่ประกอบไปด้วยรูปปั้น เหนือระดับประตูเป็นระเบียงตรงกลาง และด้านล่างเหนือประตูจะมีหน้าต่างกุหลาบบานใหญ่อีกบานหนึ่ง ถัดขึ้นไปจากนั้นเป็นระเบียงรูปปั้นพระเจ้าแผ่นดิน (gallery of the kings) ซึ่งมีรูปปั้นพระเจ้าโคลวิสที่ 1 รับศึลจุ่มอยู่ตรงกลาง
 
ทางเดินกลางของมหาวิหารยาว 138.75 เมตร กว้าง 30 เมตร สูง 38 เมตร ทางเดินกลางขนาบด้ายทางเดินข้าง แขนกางเขนก็เป็นทางเดินหลายช่อง บริเวณสงฆ์เป็นทางเดินคู่ หลังมุขมีทางเดินรอบ และคูหาสวดมนต์กระจายออกไปทางด้านหลัง ภายในมีหน้าต่างประดับกระจกสีที่สร้างระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 13 ถึง 20
 
มหาวิหารแร็งส์ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ เมื่อปี ค.ศ. 1862 และได้รับเลือกโดยองค์การยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ. 1991

พระราชวังฟงแตนโบล

พระราชวังฟงแตนโบล

สำรวจโลก_Fontainebleau_lg
พระราชวังฟงแตนโบล : Palace of Fontainebleau  เป็นพระราชวังที่ตั้งอยู่ราว 55 กิโลเมตรจากศูนย์กลางของกรุงปารีสในประเทศฝรั่งเศส ที่เป็นพระราชวังหลวงที่ใหญ่ที่สุดพระราชวังหนึ่งของฝรั่งเศส สิ่งก่อสร้างที่เห็นอยู่ในปัจจุบันเป็นงานที่สร้างขึ้นและต่อเติมเปลี่ยนแปลงโดยพระมหากษัตริย์ฝรั่งเศสหลายพระองค์ ส่วนที่ก่อสร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 16 เป็นส่วนที่สร้างโดยพระเจ้าฟรองซัวส์ที่ 1
พระราชวังฟงแตนโบล ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1981
เดิมตั้งอยู่ ณ ที่ตั้งที่ใช้สอยมาตั้งแต่ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 12 ที่สร้างโดยพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 7 โดยมีทอมัส เบ็คเค็ทเป็นผู้ประกอบพิธีสถาปนาชาเปล ฟงแตนโบลเป็นที่ประทับอันเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าฟิลิปที่ 2 และ พระเจ้าหลุยส์ที่ 9
 
ฟงแตนโบลเป็นสถาปัตยกรรมชิ้นแรกที่นำฝรั่งเศสเข้าสู่ยุคแมนเนอริสม์ในด้านการตกแต่งภายใน และทางด้านการออกแบบตกแต่งสวน การตกแต่งภายในแบบแมนเนอริสม์ของฝรั่งเศสในคริสต์ศตวรรษที่ 16 เรียกกันว่าการตกแต่ง “แบบฟงแตนโบล” ที่เป็นการตกแต่งที่รวมทั้งงานประติมากรรม, งานโลหะ, จิตรกรรม, งานปูนปั้น และงานไม้
 
ส่วนภายนอกสิ่งก่อสร้างก็เริ่มมีการสวนแบบสวนลวดลาย ฟงแตนโบลรวมจิตรกรรมที่เป็นอุปมานิทัศน์เข้ากับงานปูนปั้นที่เป็นกรอบรอบที่ตกแต่งคล้ายม้วนที่รวมลายอะราเบสก์ และลายวิลักษณ์ ความสวยของสตรีในอุดมคติของจิตรกรรมแบบฟงแตนโบลจะเป็นความสวยแบบแมนเนอริสม์ ที่เหมือนจะกลับไปมีลักษณะของปลายกอธิค
 
 งานศิลปะที่สร้างที่ฟงแตนโบลได้รับการบันทึกอย่างละเอียดเป็นงานพิมพ์ที่เป็นที่แพร่หลายกันในบรรดานักนิยมศิลปะ และ ศิลปินเอง งานที่สร้างเป็นงานพิมพ์จาก “ตระกูลการเขียนแบบฟงแตนโบล” ที่เป็นลักษณะของการงานศิลปะแบบใหม่ที่เป็นเอกลักษณ์เผยแพร่ไปยังบริเวณทางตอนเหนือของยุโรป โดยเฉพาะที่อันท์เวิร์พ และเยอรมนี และในที่สุดก็ไปถึงอังกฤษ
 
ในปัจจุบันฟงแตนโบลเป็นที่ตั้งของสถาบันศิลปะอเมริกันฟงแตนโบล  ซึ่งเป็นสถาบันสำหรับนักศึกษาศิลปะ, สถาปัตยกรรม และ ดนตรีจากสหรัฐอเมริกา สถาบันก่อตั้งขึ้นโดยนายพลจอห์น เจ. เพอร์ชิง เมื่อมาตั้งกองบัญชาการอยู่ระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง

Le Mont-Saint-Michel

Le Mont-Saint-Michel

สำรวจโลก_MtStMichel_lg
มง-แซ็ง-มีแชล : Le Mont-Saint-Michel คือวิหารที่ตั้งอยู่บนเกาะโดดเดี่ยวกลางทะเลชายฝั่งตะวันตก บริเวณจังหวัดม็องช์ แคว้นบัส-นอร์ม็องดีของประเทศฝรั่งเศส ได้รับประกาศจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ. 2522 ภายใต้ชื่อ มง-แซ็ง-มีแชลและอ่าว

ในปีหนึ่งจะมีนักท่องเที่ยวไปเยี่ยมเยือนมง-แซ็ง-มีแชลกว่า 3 ล้าน 2 แสนคน ซึ่งทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยงยอดนิยมอันดับที่ 3 ของประเทศฝรั่งเศสรองลงมาจากหอไอเฟลและพระราชวังแวร์ซาย
ตัวเกาะอันเป็นที่ตั้งของวิหารนั้นเป็นหินแกรนิต โดยมีเส้นรอบวงเกาะประมาณ 960 เมตร และสูง 92 เมตร แล้วถ้าบวกกับความสูงของตัววิหารนั้นแล้วก็จะมีความสูงถึง 155 แมตร บนยอดวิหารเป็นรูปปั้นทองของเทวดามีแชล (ไมเคิล) สร้างโดยเอมานูแอล เฟรมีเย (Emmanuel Frémiet)
 
ตึกสร้างแบบศิลปะโกธิกที่เด่นมากคือ ตึกลาแมร์เวย หรือ ยอดมหัศจรรย์ ประกอบด้วย หมู่กุฏิโรงทาน กุฏิโรงรับรอง และเป็นที่เลี้ยงอาหาร มีระเบียงซึ่งตกแต่งไว้อย่างงดงาม ช่วยให้ความงามอันแท้จริงของศิลปะโกธิกเด่นชัดขึ้น
 
ก่อนที่จะมีการสถาปนาราชวงศ์แรกของฝรั่งเศสขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 8 เกาะนี้เคยถูกเรียกว่า มงตงบ์ และตามตำนาน วิหารที่อยู่บนเกาะนี้ถูกสร้างโดยการแนะนำของเทวดามีแชล ที่ได้เข้าฝันนักบุญโอแบร์ บิชอปแห่งมาฟร็องช์เมื่อปี พ.ศ. 1251 แต่เขาก็มิได้ปฏิบัติตาม เนื่องจากนึกว่าปีศาจได้มาเข้าฝัน เขาจึงได้เพิกเฉยไป จนมาถึงการฝันครั้งที่ 3 มีแชลได้ใช้นิ้วของเขาจิ้มที่หัวของโอแบร์ และเมื่อเขาตื่นขึ้นมา เขาก็ได้ตะลึงว่ามีรูอยู่บนหัวจริง ๆ จากนั้นมาเขาจึงตัดสินใจสร้างวิหารบนยอดเขา

พีระมิด บอล : Ball Pyramid

พีระมิด บอล : Ball Pyramid

ballpyramid_lg
Ball Pyramid เป็นภูเขาที่เกิดจากเศษที่เหลือจากการกัด กร่อนของภูเขาไฟมีอายุราว 7 ล้านปีมาแล้ว ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะลอร์ด ฮาว ในมหาสมุทรแปซิฟิกออสเตรเลีย ความสูงอยู่ที่ 562 เมตรเหนือน้ำทะเล มีความยาว 1,100 เมตร และกว้างเพียง 300 เมตร มันถูกค้นพบขึ้นในปี 1788

พีระมิดถูกตั้งชื่อตามผู้ที่ค้นพบ คือ Henry Lidgbird Ball เป็นนักธรณีวิทยา ภูเขาถูกปืนขึนไปถึงยอดในปี 1965โดยทีมนักปีนเขาจาก ซิดนีย์ ในปี 1982 ได้มีกฎห้ามไม่ให้ปีนเขาภายใต้พระราชบัญญัตเกาะลอร์ดฮาว ในปี 1990ได้มีการผ่อนเรื่องการปีนเขาแต่ก็มีกฎที่เข้มงวดสำหรับผู้คนที่จะไปปีน
ใน 2001 นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบแมลง Dryococelus Australis หรือที่รู้จักกันว่าแมลงลอร์ดฮาว นักวิทยา -ศาสตร์ได้ค้นพบพวกมันอาศัยอยู่ภายใต้พุ่มไม้ ที่กำลังเติมโตอยู่ท่ามกลางร่องน้ำเล็กๆในพีระมิดบอล เป็นจำนวน 24 ตัว ก่อนถูกค้นพบนักวิทยาศาสตรคิดว่ามันศุนย์พันธ์ไปตั้งแต่ปี 1930 เลยนำมันกลับไป 2 คู่เพื่อที่จะผสมพันธุ์
ที่สวนสัตย์แปซิฟิก แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ
เส้นทางที่จะไปถึง พีระมิดบอล ได้นั้นต้องเป็นเรือเพียงอย่างเดียว

เกรทแบร์ริเออร์รีฟ : Great Barrier Reef

เกรทแบร์ริเออร์รีฟ : Great Barrier Reef

สำรวจโลก_Great-Barrier-Reef_lg
เกรทแบร์ริเออร์รีฟ : Great Barrier Reef เป็นพืดหินปะการังที่ยาวที่สุดในโลกยาวกว่า 2,000 กิโลเมตร อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศออสเตรเลีย หรือตอนใต้ของทะเลคอรัล เริ่มตั้งแต่แหลมยอร์ก (Cape York) ซึ่งอยู่ไกลขึ้นไปทางเหนือของรัฐควีนส์แลนด์ลงมาถึงบันดะเบอร์ก (Bundaberk) ทางตอนใต้ ครอบคลุมดูแลพื้นที่215,000 ตารางไมล์หรือ 345,000 ตารางกิโลเมตร
แนวปะการังใหญ่แบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ แนวปะการังเหนือ (Northern Reef) หมู่เกาะวิตซันเดย์ (Whitsunday Island) และแนวปะการังใต้ (Southern Reef) มีสิ่งชีวิตมากมาย ทั้งปะการังชนิดอ่อน และชนิดแข็ง สีสวยกว่า 350 ชนิด ตลอดจนปลา และสิ่งมีชีวิตในทะเลที่ต่าง ๆ อีก 1500 ชนิด
เมื่อ 25 ล้านปีก่อนทางตอนเหนือของรัฐควีนส์แลนด์ น้ำมีอุณหภูมิที่เย็นเกินไปไม่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของหินปะการัง ดังนั้นประวัติการพัฒนาการของเกรตแบร์ริเออร์รีฟจึงมีความซับซ้อน แต่หลังจากที่รัฐควีนส์แลนด์เคลื่อนตัวเข้าไปอยู่ในเขตร้อนชื้น การพัฒนาของเกรตแบร์ริเออร์รีฟก็ได้รับอิทธิพลจากการเจริญของแนวหินปะการัง
จนมาถึงภาวะตกต่ำที่สุดของการเจริญเติบโตเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำทะเล ณ ตอนนี้แนวหินปะการังนี้สามารถเพิ่มเส้นผ่านศูนย์กลางได้ประมาณ 1 ถึง 3 เซนติเมตรต่อปี และเจริญเติบโตในแนวตั้งตรงได้ประมาณ 1 ถึง 25 เซนติเมตรต่อปี แต่อย่างไรก็ตามแนวหินปะการังก็สามารถเติบโตได้ในความลึกประมาณ 150 เมตร เนื่องจาก
หินปะการังนั้นต้องการแสงอาทิตย์และไม่สามารถเจริญเติบโตเหนือระดับน้ำทะเลได้
เมื่อ 20,000 – 6,000 ปีก่อน ระดับน้ำทะเลขึ้นทำให้หินปะการังสามารถเจริญเติบโตในที่สูงกว่าเดิมได้ เช่น เนินเขาบนที่ราบใกล้ชายฝั่ง เนื่องจากเมื่อประมาณ 13,000 ปีก่อนระดับน้ำทะเลอยู่ที่ 60 เมตรเท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าระดับน้ำทะเลในปัจจุบัน และเป็นเพราะเหตุการณ์ในอดีตทำให้แนวหินปะการังแห่งนี้เจริญเติบโตจนมีขนาดใหญ่มหาศาล เราจึงเรียกสิ่งมหัศจรรย์นี้ว่าเกรทแบร์ริเออร์รีฟ (Great Barrier Reef)

แมวซิงกาปูร่า : Singapura

แมวซิงกาปูร่า : Singapura

Singapura-cat_lg
ซิงกาปูร่า (Singapura) มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ เป็น 1 ในสายพันธุ์ที่หายาก มีเพียงสีเดียวเท่านั้นคือ สี Sepia agouti (สีน้ำตาลแต้มบนสีงาช้าง) ถือเป็นแมวสายพันธุ์ขนาดเล็ก Singapura ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์จนเป็นที่รู้จักและได้รับรางวัลในปี ค.ศ.1988 และเนื่องจากไม่นิยมผสมข้ามสายพันธุ์ จึงทำให้มีเพียง 2,000 ตัวในโลก
เป็นแมวที่มีดวงตาขนาดใหญ่กลมรีเหมือนเมล็ดอัลมอน หูสีน้ำตาลมีใบหูใหญ่และบอบบาง ฐานเปิดกว้าง เหมือนถ้วยก้นลึก ขอบใบหูแหลมเป็นมุม ขนสั้นเกรียนติดผิวหนัง เรียบลื่นและแวววาว คล้ายกับที่พบในแมวพันธุ์ Abyssinian กระต่าย กระรอก ตัวโกเฟอร์ มีแถบสีที่ขาหน้าด้านในและเข่าหลัง ตัวเต็มวัยอาจมีน้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัม
เป็นแมวที่ชอบความอบอุ่น นักล่าที่ดี ร่าเริง มีชีวิตชีวา สนใจสิ่งรอบข้าง ฉลาด ชอบอยู่ใกล้คนและไม่ก้าวร้าวกับสัตว์อื่น ชอบเล่นอะไรแปลก ๆ ชอบท่องเที่ยว ชอบนอนบนตัวคนและชอบอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน
ในปี 2004 สวนสัตว์สิงคโปร์เป็นเจ้าภาพในการจัดแสดงแมว Singapura เพื่อเฉลิมฉลองวันชาติของประเทศ มีแมวSingapura 39 ตัว ซึ่งเป็นแมวที่ได้รับเชิญมาทำการประกวดในงานอีกด้วย การซื้อการในประเทศอังกฤษค่าตัวของแมว Singapura สูงถึง £300-400 ประมาณ150000 – 20000 บาท

Snow Rollers

Snow Rollers

snow-roller_lg
Snow Rollers คือ ปรากฏการณ์ที่เกิดจากการพัดของลมที่พัดเอาเกล็ดหิมะที่ตกใหม่ๆ กลิ้งไปตามพื้นดินที่เป็นน้ำแข็งอีกทั้งยังปกคลุมไปด้วยหิมะ และในบางครั้งหากความเร็วของลมบวกกับอุณหภูมิของสภาพแวดล้อมโดยรอบมีความเหมาะสม ขนาดของ Snow Rollers ก็อาจจะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางมากถึง 2 -3 ฟุตเลยทีเดียว
Snow Rollers เป็นปรากฏการณ์ที่หาได้ยากในธรรมชาติ มันมีความแตกต่างกับการที่เราปั้น snowmen ขึ้นมาเพราะ Snow Rollers จะมีลักษณะกลมๆ กรวงๆ คล้ายโดนัทที่มีขนาดใหญ่ และมีความบอบบาง พื้นดินที่จะเกิดSnow Rollers ได้นั้นต้องมีหิมะปกคลุมเป็นชั้นน้ำแข็ง
การเกิด Snow Rollers นั้น นอกจากหิมะต้องแข็งแล้ว ลมที่จะพัดต้องมีความแรงมากแล้วก็จะพัดหิมะให้ม้วนเป็นวงกลมไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก โดยที่มันจะก่อตัวขนาดเล็กแล้วค่อยม้วนตัวจนมีขนาดใหญ่